ผลบอล ดูบอลต่อให้เห็นเป็นกำไรต้องดูที่ตัวผู้เล่น
ผลบอล เมื่ออยากจะ ดูบอล ต่อไม่ว่าจะเป็นทีมต่อประเภทใดก็ตาม โอกาสให้มีขึ้นกับการเลือกเดิมพัน สำหรับทีมบอลต่อที่ถือว่าดีที่สุดนั่นก็คือการต้องเข้าไปดูข้อมูลของผู้เล่น รวมถึงโอกาสในเกมการแข่งขันเกมนั้นๆ ว่าความสำคัญที่ทีมซึ่งนักพนันสนใจเอามาเดิมพัน มันมีความได้เปรียบหรือความคาดหวังมากน้อยขนาดไหน สำหรับการแข่งขันในแต่ละรอบนั้นๆ
เมื่อ “ฝรั่งเศส” ส่งชุดแชมป์โลกมาเยือน “เหงียน”
ฟุตบอลไทยลีก พร้อมกลับมาอีกครั้งในนัดที่ 5 วันที่ 12 กันยายน หลังจากพักยาวหนี “โควิด-19” นานราวครึ่งปี ในขณะที่ลีกเพื่อนบ้านทะยอยเปิดกันไปเกือบหมด
เช่นเดียวกับ “วีลีก” ของประเทศเวียดนาม ที่จะกลับอีกครั้งเป็นคำรบสาม หลังจากกลับมาช่วงแรกในเดือน พ.ค. แต่เจอการระบาดรอบสอง จนต้องพักอยู่เป็นระยะ ล่าสุดทางสมาคมฟุตบอลของ “เวียดนาม” ประกาศกำหนดการในการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ เป็นครั้งที่สาม หลังจากต้องหยุดพักไปราวเดือนเศษ
โดยกำหนดการออกมา ดังนี้ ฟุตบอลถ้วย “เวียดนาม คัพ 2020” รอบก่อนรองชนะเลิศ แข่งขัน 11 กันยายน รอบรองชนะเลิศ วันที่ 16 กันยายน และนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 20 กันยายน
ฟุตบอล “วีลีก 1” เริ่มแข่งขัน นัดที่ 12 ในวันที่ 26 กันยายน และกำหนดวันปิดฤดูกาล ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ข้อตกลงและสิ่งที่สโมสรต่างๆ ต้องทำร่วมกัน คือ
ประการแรก ทุกสโมสรต้องส่งแผนการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ของทีมตนเอง ภายในวันที่ 15 กันยายน ประการที่สอง ทุกสโมสรส่งผลเทสต์ “โควิด-19” ก่อนลีคกลับมาแข่งขัน 10 วัน และผลเทสต์ก่อนแมตซ์แข่งขันจริง 3 วัน ประการที่สาม ทุกสโมสรต้องเชื่อฟังกฎการป้องกันโรคระบาดของท้องถิ่นตนเอง และ ประการสุดท้าย ต้องขึ้นอยู่กับการอนุญาตจากคณะกรรมการป้องกัน “โควิด-19” ของท้องถิ่นนั้น ๆ
ก็ต้องมาจับตามองกันต่อไปว่าลีกของ “เวียดนาม” จะเดินหน้าต่อไปสุดท้ายหรือไม่ หลังจากชะงักไปหลายรอบจากสถานการณ์โรคระบาด และดูเหมือนว่าชาวเวียดนามเองดูไม่เข้มงวดกับกฏระเบียบเท่าที่ควร
พร้อมกับการกลับมาแข่งขันฟุตบอลลีก สมาคมฟุตบอลเวียดนาม ยังเดินหน้าปลุกกระแสฟุตบอลในชาติ ด้วยการเชิญทีมฟุตบอล “ตราไก่” ฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก “ฟร็อง 98” เข้ามาแข่งขันอุ่นเครื่องกับทีม “วีไอพี เวียดนาม”
“ตราไก่” ฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก 1998
โครงการนี้ก่อตั้งขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนาม “เหงียน ง็อก เทียน” หารือร่วมกับ “นิโคลัส วอร์เนอรี่” เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศเวียดนาม ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกีฬาฟุตบอ]
กล่าวคือ เป้าหมายในการพัฒนาของ “เวียดนาม” คือการเข้าร่วมศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2026 โดยมี “ฝรั่งเศส” เป็นชาติหลักที่หนุนนำส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือเวียดนาม ให้บรรลุเป้าหมาย
ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศเวียดนามให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้นในสังคมโลก
โดยโครงการนี้ “ฝรั่งเศส” ยืนยันจะส่งทีมชุดแชมป์โลก 1998 ไปแข่งขันนัดกระชับมิตรที่เวียดนาม กับทีม “วีไอพี เวียดนาม” ที่รวมดาวอดีตนักฟุตบอลชาวเหงียนและคนดังที่รับเชิญเข้ามาร่วมทีม
สำหรับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 นำมาโดย ฟาเบียง บาสเตซ ประตูจอมหนึบ ผลบอล กองหลังตัวเก่ง “มาร์เซล เดอไซยี่” ยอดดาวยิง “นิโกล่า อเนลก้า” รวมถึงนักเตะในตำนานจาก “ฌอง ปิแอร์ ปาแปง” และนโปเลียนลูกหนัง “มิเชล ฟลาตินี่” โดยมี “อาร์เซน เวนเกอร์” อดีตกุนซืออาร์เซน่อล ชุดไร้พ่ายแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นกุนซือนำทัพ
ความร่วมมือนี้ถือเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลเวียดนาม ที่จะขับเคลื่อนปลุกกระแสฟุตบอลให้กับเยาวชนเพื่อเป้าหมายฟุตบอลโลก 2026 นอกจากการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังมีการสัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักฟุตบอลเวียดนามรวมทั้งเหล่าดาวรุ่ง เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใ0
ส่วนกำหนดการวันเวลาที่แน่นอน ทั้งสองฝ่ายจะหารือตกลงกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการ หลังจากโรคระบาดโควิดในเวียดนามกลับเข้าคืนสู่ภาวะปกติ
เห็นได้ว่า ความจริงจังของเวียดนาม และการช่วยเหลือของ “ฝรั่งเศส” เป็นเรื่องที่น่าจะตามองเป็นอย่างยิ่ง จากเดิมที่ตามหลังไทย ตอนนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า “เวียดนาม” กำลังตีคู่และอาจแซงไทยไปในอนาคต ด้วยเป้าหมายโครงการและการทำงานที่ชุดเจน
ขณะเดียวกัน “ฝรั่งเศส” ยอมทุ่มและให้ความช่วยเหลือเวียดนามทุกทาง อันเนื่องจากสายสัมพันธ์อันดีกันมาเก่าก่อน โดย “เวียดนาม” ก็คือหนึ่งในประเทศอาณานิคม
ความช่วยเหลือของ “ตราไก่” ที่เห็นชัดอีกประการคือส่งกุนซือขรัวเฒ่าฉายาพ่อมดขาวชาวฝรั่งเศส “ฟิลิปป์ ทรุยซิเยร์” มาทำงานด้านพัฒนาฟุตบอลเยาวชน และคุมทีมชาติอายุต่ำกว่า 19 ปี ให้กับทีมชาติเวียดนาม รวมถึงอยู่การช่วยเหลืองบประมาณ ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกพัฒนาฟุตบอลในเวียดนามอีกด้วย
“พ่อมดขาว” ฟิลิปป์ ทรุยซิเยร์ กุนซือดังในการทำทีมเยาวชน
แอบส่องมองดูการทำงานของสมาคมฟุตบอลเวียดนามแล้ว ดูมุ่งมั่นจริงจังและมีพันธมิตรที่ให้ความร่วมมืออย่างเข้มแข็ง และจากผลงานในช่วงหลัง อย่าประมาท “เวียดนาม” ว่าฟุตบอลโลก 2026 เป็นเรื่องฝันกลางวัน
มองกลับมาที่ฟุตบอลไทย ต้องยอมรับว่าเป้าหมายมีแต่ไร้โครงการที่ชุดเจน ยิ่งผลงานในระดับเยาวชนล้มเหลวมาหลายชุด
นอกเหนือจากไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังถือว่าตกต่ำ โดยเฉพาะ การตกรอบคัดเลือกฟุตบอลอายุต่ำกว่า 19 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2020 โดยพ่าย กัมพูชา 1-2 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
สวนทางกลับ “เวียดนาม” ที่โชว์ผลงานผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ แถมยังมีเป้าหมายจะผ่านไปชิงแชมป์โลกในปีหน้าให้ได้
ไม่นับผลงานที่เหนือกว่าไทยอย่างเห็นชัดอีกรายการคือการคว้าแชมป์ซีเกมส์ เมื่อปลายปีที่ฟิลิปปินส์ ส่วนทีมไทย ตกรอบแรก
ยิ่งเห็นการทำงานสู่เป้าหมายและผลงานที่ปรากฏของ “เวียดนาม” ดูแล้งช่างสวนทางกับ “ช้างศึก” เหลือเกิน